วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554










ทิวลิป เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ มีอยู่หลายสี ดอกทิวลิปจะปลูกได้ต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม คือไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส


[แก้] ที่มาของชื่อ
แม้ว่าทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงฮอลแลนด์ แต่ทั้งดอกไม้และชื่อมีที่มาจากจักรวรรดิเปอร์เชีย ทิวลิปหรือ “lale” (จากเปอร์เชีย لاله, “lâleh”) เช่นเดียวกับที่เรียกกันในตุรกี เป็นดอกไม้ท้องถิ่นของตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และบางส่วนของเอเชียกลาง แม้ว่าจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้นำทิวลิปเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปแต่ที่สำคัญคือตุรกีเป็นผู้ทำให้ทิวลิปมีชื่อเสียงที่นั่น เรื่องที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือ Oghier Ghislain de Busbecqไปเป็นราชทูตของสมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในราชสำนักของสุลต่านสุลัยมานมหาราชแห่งจักรวรรดิออตโตมันในปี ค.ศ. 1554 Busbecq บรรยายในจดหมายถึงดอกไม้ต่างๆ ที่เห็นที่รวมทั้งนาร์ซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ และทิวลิปที่ดูเหมือนจะบานในฤดูหนาวที่ดูเหมือนผิดฤดู (ดู Busbecq, qtd. in Blunt, 7) ในวรรณคดีเปอร์เชียทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่ต่างก็ให้ความสนใจกับดอกไม้ชนิดนี้

คำว่า “tulip” ที่ในภาษาอังกฤษสมัยแรกเขียนเป็น “tulipa” หรือ “tulipant” เข้ามาในภาษาอังกฤษจากฝรั่งเศสที่แผลงมาจากคำว่า “tulipe” และจากคำโบราณว่า “tulipan” หรือจากภาษาลาตินสมัยใหม่ “tulīpa” ที่มาจากภาษาตุรกี “tülbend” หรือ “ผ้ามัสลิน” (ภาษาอังกฤษว่า “turban” (ผ้าโพกหัว) บันทึกเป็นครั้งแรกในภาษาอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และอาจจะมาจากภาษาตุรกีอีกคำหนึ่งว่า “tülbend” ก็เป็นได้)

[แก้] ทิวลิปในประเทศไทย
ในประเทศไทย สำนักงานเกษตรที่สูงดอยผาหม่น ได้ปลูกดอกทิวลิป ในพื้นที่เกษตรที่สูง ดอยผาหม่น ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ตั้งปี พ.ศ. 2549 เพื่อการท่องเที่ยว [1]


Inside[แก้] ความหมายของดอกทิวลิป
ทิวลิปสีแดง - เป็นดอกไม้แห่งการสารภาพรัก หากได้ดอกทิวทิวลิปสีแดงจากใครแสดงว่าคนผู้นั้นตกหลุมรักคุณแล้ว
ทิวลิปสีเหลือง - เป็นสัญลักษณ์แห่งความผิดหวัง
[แก้] อ้างอิง
^ http://www.chiangmainews.co.th/viewnews.php?id=19904&lyo=1 (ลิงก์นี้เสีย กรุณาหาลิงก์อื่นทดแทน)
Black Devil, เปิดหัวใจทายรักสาว-หนุ่ม. กรุงเทพฯ: ไพลิน, 2549
นิคกี้ หิรัญพัฒน์, ความหมายของดอกไม้. กรุงเทพฯ: ไพลิน, 2544
[แก้] ดูเพิ่ม
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่น ๆ เกี่ยวกับ:
ทิวลิปความคลั่งทิวลิป
ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B".
หมวดหมู่: ไม้ตัดดอก | สกุลพรรณไม้
หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่มีลิงก์เสีย | บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบ
เครื่องมือส่วนตัว
ล็อกอิน / สร้างบัญชีผู้ใช้ เนมสเปซ
บทความ อภิปราย สิ่งที่แตกต่างดู
เนื้อหา แก้ไข ประวัติ การกระทำสืบค้น
ป้ายบอกทาง
หน้าหลัก
เหตุการณ์ปัจจุบัน
ถามคำถาม
บทความคัดสรร
บทความคุณภาพ
สุ่มบทความ
มีส่วนร่วม
ศาลาประชาคม
ปรับปรุงล่าสุด
เรียนรู้การใช้งาน
ติดต่อวิกิพีเดีย
บริจาคให้วิกิพีเดีย
วิธีใช้
พิมพ์/ส่งออก
สร้างหนังสือ
ดาวน์โหลดในชื่อ PDF
หน้าสำหรับพิมพ์
เครื่องมือ
หน้าที่ลิงก์มา
ปรับปรุงที่เกี่ยวโยง
อัปโหลด
หน้าพิเศษ
ลิงก์ถาวร
อ้างอิงบทความนี้
ภาษาอื่น
العربية
Azərbaycanca
Žemaitėška
Беларуская
Български
བོད་ཡིག
Bosanski
Català
Česky
Kaszëbsczi
Cymraeg
Dansk
Deutsch
Zazaki
Ελληνικά
English
Esperanto
Español
Euskara
فارسی
Suomi
Français
Galego
ગુજરાતી
Hawai`i
עברית
हिन्दी
Hrvatski
Hornjoserbsce
Kreyòl ayisyen
Magyar
Bahasa Indonesia
Ido
Italiano
日本語
Basa Jawa
Қазақша
한국어
Latina
Lietuvių
Latviešu
Македонски
മലയാളം
Монгол
Bahasa Melayu
Nederlands
‪Norsk (bokmål)‬
Polski
پنجابی
Português
Română
Русский
Scots
Simple English
Slovenčina
Slovenščina
Shqip
Српски / Srpski
Svenska
తెలుగు
ትግርኛ
Türkçe
Українська
اردو
Tiếng Việt
中文
Bân-lâm-gú
หน้านี้แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2554 เวลา 08:58 น.
อนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน; เงื่อนไขอื่นอาจใช้ประกอบด้วย โปรดศึกษาเงื่อนไขการใช้งาน
Wikipedia® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของมูลนิธิวิกิมีเดีย

ติดต่อเรา
นโยบายความเป็นส่วนตัว เกี่ยวกับวิกิพีเดีย ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ Mobile View

ที่มา

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B

ดอกกรรณิการ์

เจ้าดอกกรรณิการ์เอย

เจ้าดอกกรรณิการ์เอย

กลิ่นเจ้าหอมรันจวนใจ


กลิ่นลอยพัดตามลมไป

พาใจข้าล่องลอยตาม...




ค่ำนี้ต้นกรรณิการ์ต้นน้อยหน้าบ้านกำลังออกดอกบานสะพรั่ง
ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ล่องลอยไปตามแรงลม
และท้ายสุดในยามเช้าดอกจะร่วงพรูเต็มผืนดิน
คล้ายว่าหน้าที่ของเจ้าได้หมดลง....





แม้ว่าช่วงชีวิตของดอกกรรณิการ์จะสั้นนัก

แต่คุณค่าของความงดงามน้อยๆ ของกลีบดอกสีขาวนวล

รวมทั้งก้านสีส้มแสดสดสวย

ยังไม่นับถึงกลิ่นหอมในยามที่ดอกบานช่างรันจวญใจผู้อยู่ใกล้ยิ่งนัก



คุณค่าของชีวิตหนึ่งหานับได้จากระยะเวลาไม่

หากแต่นับได้จากคุณค่า คุณประโยชน์ในช่วงเวลาที่ได้ดำรงชีวิตอยู่

รวมทั้งหลังจากละทิ้งชีวิตไป.....

ดังเช่น เจ้าดอกกรรณิการ์ ในยามดอกบานก็ส่งกลิ่นหอมยวล

นำพาจิตใจของผู้ดอมดม พริ้วไหวกลิ่นนุ่มละมุนพริ้วตาม

ในยามเช้าครั้นเมื่อดอกร่วงโรย กลิ่นหอมยังคงตราตรึง

จับวางใส่ลอยแก้วกลิ่นยังคงอยู่นานอีกหลายเพลา...






รัตติกาลนี้หายาวนานไม่

อีกไม่นานก็คงจะเช้า

มองลอดผ่านหน้าต่างออกไปค่ำคืนนี้ มืดมิดนัก

ผมพยายามมองหาเจ้าดอกกรรณิการ์ ดอกน้อย

ดอกกรรณิการ์หาใช่หิ้งห้อย คงไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในเวลาค่ำคืน...

แต่กลิ่นของเจ้าก็ทำให้รู้ว่า เจ้ามิได้จากไปไหน

ฉันอยู่ที่นี่ ..... คืนนี้ -- -- > ดอกกรรณิการ์ตอบ

พรุ่งนี้ฉันคงต้องจากไป แต่อย่าเสียใจ

อีกไม่นานฉันจะกลับมา....


คืนนี้ตัวหนังสือของผมรำพันกับดอกไม้ ดอกกรรณิการ์หน้าบ้านที่ผมได้ปลูกไว้

เมื่อต้นปี หนาวนี้ผมพึ่งจะได้ยลดอกเธอ...

และยังได้รับรู้อีกว่า กลิ่นหอมของเธอนั้น ช่างหอมยวลใจยิ่งนัก

คืนนี้ดึกแล้ว มีไม่กี่หนที่ผมบรรจงพิมพ์ข้อความในเวลาค่ำคืน

คืนนี้เป็นหนึ่งคืน.....

ที่ตัวหนังสือของผมมาพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้

เจ้าดอก กรรณิการ์














ที่มา
http://www.google.co.th/search?hl=th&source=hp&q=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C&meta=&aq=8&aqi=g2g-s1g6g-s1&aql=&oq=%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81
ดอกแก้ว























การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์[แสดง]
อาณาจักร Plantae
(ส่วนไม่จัดอันดับ) Angiosperms
(ชั้นไม่จัดอันดับ) Eudicots

(อันดับไม่จัดอันดับ) Rosids
อันดับ Sapindales
วงศ์ Rutaceae

สกุล Murraya
สปีชีส์ M. paniculata
ข้อมูลทั่วไป[แสดง]ชื่อวิทยาศาสตร์ Murraya paniculata (L.) Jack
ชื่อพ้อง[แสดง]Chalcas exotica (L.) MillspChalcas paniculata L. (basionym)Murraya exotica L.แก้ว (อังกฤษ: Orange Jessamine, Satin-wood, Cosmetic Bark Tree) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ใบออกเป็นช่อเป็นแผงออกใบเรียงสลับกันช่อหนึ่งประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 4-8 ใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม

ชื่อพื้นเมืองอื่น: กะมูนิง (มลายู ปัตตานี) แก้วขาว (กลาง) แก้วขี้ไก่ (ยะลา) แก้วพริก (เหนือ) แก้วลาย (สระบุรี) จ๊าพริก (ลำปาง) และ ตะไหลแก้ว (เหนือ)[1]

เนื้อหา [ซ่อน]
1 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
2 การกระจายพันธุ์
3 การปลูกเลี้ยง
3.1 การดูแลรักษา
4 วรรณกรรม
5 ความเชื่อ
6 อ้างอิง


[แก้] ลักษณะทางพฤกษศาสตร์แก้วเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางลำต้นมีความสูงประมาณ5-10 เมตรเปลือกลำต้นสีขาวปนเทาลำต้นแตกเป็นสะเก็ดเป็นร่องตามยาวการแตกกิ่งก้านของทรงพุ่มไม่ค่อยเป็นระเบียบใบออกเป็นช่อเป็นแผงออกใบเรียงสลับกันช่อหนึ่งประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 4-8 ใบใบเป็นมันสีเขียวเข้มขยี้ดูจะมีกลิ่นฉุนแรงขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อยขนาดของใบกว้างประมาณ 2 - 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ3-6 เซนติเมตรออกดอกเป็นช่อใหญ่ช่อสั้นออกตามปลายกิ่งหรือยอดช่อหนึ่งมีดอกประมาณ 5 - 10 ดอก แต่ละดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร ผลรูปไข่ รีปลายทู่ มีสีส้ม ภายในมีเมล็ด 1 - 2 เมล็ด

[แก้] การกระจายพันธุ์แก้วมีถิ่นกำเนิดจากเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และออสเตรเลีย มันสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศในทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาได้[2]

[แก้] การปลูกเลี้ยงสามารถแบ่งเป็น 2 วิธี

1.การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก การปลูกแบบนี้สามารถปลูกเป็นกลุ่ม หรือเป็นแถวก็ได้และสามารถตัดแต่งบังคับทรงพุ่มได้ตามความต้องการของผู้ปลูก
2.การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 12 - 16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วนอัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถาง 1 - 2 ปี/ ครั้ง หรือตามความเหมาะสมของการเจริญเติบโตของทรงพุ่ม เพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไปและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
[แก้] การดูแลรักษาต้องการน้ำปริมาณปานกลาง ควรให้น้ำ 3 - 5 วัน / ครั้ง ชอบดินร่วนซุย หรือดินร่วนทราย ต้องการแสงแดดจัด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1 - 2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง หรือใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15-15-15อัตรา 200- 300 กรัม/ต้น ใส่ปีละ 4 - 6 ครั้ง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและแมลง เพราะเป็นไม้ที่มึความทนทานต่อสภาพธรรมชาติพอสมควร ขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดและการตอน

[แก้] วรรณกรรมแก้วปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง นิราศธารทองแดง พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร

กล้วยไม้ห้อยต่ำเตี้ย
นมตำเลียเรี่ยทางไป
หอมหวังวังเวงใจ
ว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมเหลียว

[แก้] ความเชื่อคนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้คนในบ้านมีความดี มีคุณค่าสูง เพราะคำว่า แก้ว นั้นหมายถึง สิ่งที่ดีมีค่าสูงเป็นที่นับถือบูชาของบุคคลทั่วไปซึ่งโบราณได้เปรีบเทียบของที่มีค่าสูงนี้เสมือนดั่งดวงแก้ว นอกจากนี้คนโบราณยังมีความเชื่ออีกว่า บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ มีความเบิกบาน เพราะแก้วคือความใสสะอาดความสดใสนอกจากนี้ดอกแก้วยังมีสีขาวสะอาดสดใสมีกลิ่นหอมนวลไปไกลและยังนำดอกแก้วไปใช้ในพิธีบูชาพระในพิธีทางศาสนาได้เป็นสิริมงคลยิ่งอีกด้วย

เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ

[แก้] อ้างอิงวิกิสปีซีส์ มีข้อมูลภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ:
Murraya paniculataคอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
แก้ว (พรรณไม้)1.^ เต็ม สมิตินันทน์ ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, พ.ศ. 2549
2.^ http://www.ars-grin.gov/cgi-bin/npgs/html/tax_search.pl?Murraya%20paniculata retrieved on 28 June, 2007
แก้ว ไม้ประดับออนไลน์.คอม
[ซ่อน]ด • พ • กดอกไม้ประจำจังหวัด

ภาคเหนือ เชียงราย - พวงแสด • เชียงใหม่ - ทองกวาว • น่าน - เสี้ยวดอกขาว • พะเยา - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • แพร่ - ยมหิน • แม่ฮ่องสอน - บัวตอง (พอหมื่อนี่) • ลำปาง - ธรรมรักษา • ลำพูน - ทองกวาว • อุตรดิตถ์ - ประดู่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กาฬสินธุ์ - พะยอม • ขอนแก่น - ราชพฤกษ์ • ชัยภูมิ - กระเจียว (ปทุมา) • นครพนม - กันเกรา (มันปลา) • นครราชสีมา - สาธร • บึงกาฬ - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • บุรีรัมย์ - สุพรรณิการ์ (ฝ้ายคำ) • มหาสารคาม - ลั่นทมขาว (จำปาขอม) • มุกดาหาร - ช้างน้าว • ยโสธร - บัวหลวง • ร้อยเอ็ด - อินทนิลบก • เลย - พุด (อินถะหวา) • ศรีสะเกษ - ลำดวน • สกลนคร - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • สุรินทร์ - กันเกรา (มันปลา) • หนองคาย - ชิงชัน • หนองบัวลำภู - บัวหลวง • อำนาจเจริญ - ทองกวาวเหลือง • อุดรธานี - ทองกวาว • อุบลราชธานี - บัว

ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • กำแพงเพชร - พิกุล • ชัยนาท - ชัยพฤกษ์ • นครนายก - สุพรรณิการ์ (ฝ้ายคำ) • นครปฐม - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • นครสวรรค์ - เสลา • นนทบุรี - นนทรี • ปทุมธานี - บัวหลวง • พระนครศรีอยุธยา - โสน • พิจิตร - บัวหลวง • พิษณุโลก - นนทรี • เพชรบูรณ์ - มะขาม • ลพบุรี - พิกุล • สมุทรปราการ - ดาวเรือง • สมุทรสงคราม - จิกทะเล • สมุทรสาคร - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • สระบุรี - สุพรรณิการ์ (ฝ้ายคำ) • สิงห์บุรี - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • สุโขทัย - บัวหลวง • สุพรรณบุรี - สุพรรณิการ์ (ฝ้ายคำ) • อ่างทอง - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • อุทัยธานี - สุพรรณิการ์ (ฝ้ายคำ)

ภาคตะวันออก จันทบุรี - เหลืองจันทบูร • ฉะเชิงเทรา - นนทรี • ชลบุรี - ประดู่ • ตราด - กฤษณา • ปราจีนบุรี - ปีบ • ระยอง - ประดู่ • สระแก้ว - แก้ว

ภาคตะวันตก กาญจนบุรี - กาญจนิกา • ตาก - เสี้ยวดอกขาว • ประจวบคีรีขันธ์ - เกด • เพชรบุรี - ไม่มีดอกไม้ประจำจังหวัด • ราชบุรี - กัลปพฤกษ์

ภาคใต้ กระบี่ - ทุ้งฟ้า • ชุมพร - พุทธรักษา • ตรัง - ศรีตรัง • นครศรีธรรมราช - ราชพฤกษ์ • นราธิวาส - บานบุรีเหลือง • ปัตตานี - ชบา • พังงา - จำปูน • พัทลุง - พะยอม • ภูเก็ต - เฟื่องฟ้า • ยะลา - พิกุล • ระนอง - โกมาชุม • สงขลา - เฟื่องฟ้า • สตูล - กาหลง • สุราษฎร์ธานี - บัวผุด

ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7_(%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89)".
หมวดหมู่: วงศ์ส้ม | ไม้ดอกไม้ประดับ | พรรณไม้ในวรรณคดี | ดอกไม้ประจำจังหวัด



http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7_(%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89)
ลีราวดี

ลีลาวดี เป็นไม้ประดับที่มีผู้สนใจ ปลูกกันอย่างมากในช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากติดใจในความงามของทรงต้น ใบ และดอกที่มี หลากสีสัน โดยเมื่อนำมาปรับปรุงพันธุ์แล้วจะได้สีที่แปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดอกยังมีกลิ่นหอม อีกประการหนึ่งคือลีลาวดีเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็ว การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก อีกทั้งมีคุณสมบัติใช้เป็นสมุนไพร ในอดีตไม้ชนิดนี้จะไม่นิยมปลูกในบ้านเรือนเลย เพราะเนื่องจากความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับความหมายของชื่อ เดิมคือ “ลั่นทม” ทำให้ลั่นทมมีปลูกไว้เฉพาะในวัด และตามโบราณสถานต่าง ๆ ในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากเป็นที่รู้จักและคุ้นหูในนามของ “ลีลาวดี” เพียงเท่านี้ต้นลีลาวดีก็เป็นที่ต้องการของตลาดอย่าง มาก โดยเฉพาะในการจัดภูมิทัศน์และจัดสวนทั้งสวนในบ้าน บริเวณตึก อาคาร รีสอร์ท สถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ความต้องการลีลาวดีขยายตัวคือ การขยายตัวของ ธุรกิจสปา ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่าในสถานประกอบการ สปานั้นนิยมนำดอกลีลาวดีมาเป็นไม้ประดับ เนื่องจาก ความสวยงามของรูปทรง สีสันและกลิ่นหอมเย็น ด้วยราคาที่สูงอย่างต่อเนื่องของลีลาวดี ทำให้มีเกษตรกรจำนวนมากหันมาปลูกลีลาวดีเพื่อการค้ากัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน เนื่องจากลีลาวดีต้นใหญ่นั้นหาได้ยากขึ้น ซึ่งเกษตรกรที่มีต้นลีลาวดีทั้งต้นใหญ่ กิ่งชำ และเมล็ด ก็จะมีลูกค้าไปติดต่อขอซื้อกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้แก่ เกษตรกร
ในสมัยก่อน มีต้นลั่นทมเพียง 2 สายพันธุ์คือ
1. ลั่นทมขาว อย่างที่เห็นกันตามวัดวาอาราม ลั่นทมขาวจะชอบแดด มีความสูงตั้งแต่ 3 - 7 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านดูอวบ มีสีน้ำตาลปนเทา เป็นใบเดี่ยวรูปคล้ายหอก ยาว 20 - 30 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายกิ่ง ดอกมีสีขาวรูปกรวย มีกลีบดอก 5 กลีบ จะมีกลิ่นหอมมาก มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก
2. ลั่นทมแดง ทุกอย่างจะเหมือนลั่นทมขาว ยกเว้นใบ ที่บางครั้ง จะออกสีเขียวเข้ม ดอกมีสีแดงทั้งดอก ก้านออกเป็นสีม่วงแดง ดอกมีกลิ่นหอม ทั้งสองชนิดมีอายุยืน ตั้งแต่ 50 ถึง 100 กว่าปี














ลักษณะทางพฤกษศาสตร์


ชื่อวงศ์ : Apocynaceae
ชื่อสามัญ : Frangipani , Pagoda tree, Temple tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plumeria spp.
ลีลาวดีมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา พบในบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ประเทศเม็กซิโกตอนใต้ถึงตอนเหนือของทวีปอเมริกา โดยเฉพาะหมู่เกาะทะเล แคริบเบียน
ลีลาวดีเป็นไม้ยืนต้น มีขนาดตั้งแต่พุ่มเตี้ยแคระสูงประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงต้น ที่สูงมาก อาจสูงถึง 12 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านสขาและพุ่มใบสวยงาม มีน้ำยางสีขาวข้น เป็นไม้ผลัด ที่สลัดใบในฤดูแล้งก่อนที่จะผลิดอกและผลิใบรุ่นใหม่ กิ่งที่ยังไม่แก่มีสีเขียว อ่อนนุ่ม ดูเกือบจะอวบน้ำ กิ่งแก่มีสีเทามีรอยตะปุ่มตะป่ำ กิ่งไม่สามารถทานน้ำหนักได้ กิ่งเปราะ เปลือกลำต้นหนา ต้นที่โตเต็มที่ แล้วจะพัฒนาจนกระทั่งมีความแข็งแรงมากขึ้น
ใบ เป็นใบเดี่ยว มีการเรียงตัว แบบสลับและหนาแน่นใกล้ปลายกิ่ง มีลักษณะแตกต่างกันไปทั้งรูปร่าง ขนาด สี และความหนาแน่น โดยทั่วไป ใบจะหนา เหนียวแข็ง และมีสีตั้งแต่สีเขียวอ่อนถึงสีเขียวเข้ม มีเส้นกลางใบแตกสาขาออก ไปคล้ายขนนก ขนาดใบแตกต่างกัน
ช่อดอก ดอกจะผลิออกมาจาก ปลายยอดเหนือใบ เห็นเป็นช่อดอกใหญ่สวยงาม แต่ก็มีบางชนิดที่ออกช่อดอกระหว่างใบ หรือใต้ใบ บ างชนิดห้อยลงบางชนิดตั้งขึ้น ในหนึ่งช่อจะมีดอกบานพร้อมกัน 10 – 30 ดอก บางต้นที่มีความสมบูรณ์ เต็มที่อาจมีดอกมากกว่า 100 ดอก ต่อ 1 ช่อ ออกดอกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน บางพันธุ์สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี
ลักษณะของ ดอก โดยทั่วไปจะ มีขนาดใหญ่ถึงกลาง ยกเว้นบางพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย อยู่ลึก เข้าไปข้างใน ดอกมีลักษณะคล้ายท่อ ทำให้มองไม่เห็นเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย โดยจะมีเกสรตัวผู้ 5 อัน อยู่ที่โคนก้านดอก ส่วนเกสรตัวเมียอยู่ลึกลงไปในก้านดอก เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียบานไม่พร้อมกัน ยากต่อการผสมตัวเอง


ฝัก มีลักษณะคล้ายกับฝักต้นชวนชม ฝักอ่อนสีจะมีสีเขียวเมื่อแก่ฝักจะมีสีแดงถึงดำ

ชนิดของลีลาวดี


แบ่งลักษณะของชนิด เป็น ๗ ลักษณะ ตามแหล่งดั้งเดิมของที่มา แล้วตั้งชื่อดังต่อไปนี้

พลูมมีเรีย อินโนโดรา แหล่งเดิมมาจากประเทศ โคลัมเบีย และ บิตริสกีนา
พลูมมีเรีย พูดิกา ประเทศ โคลัมเบีย เวเนซูเอลา และ มาตินิค
พลูมมีเรีย รูบรา ประเทศ ใน อเมริกากลาง
พลูมมีเรีย ซับเซสซิลิส ประเทศ ฮิสปานิโอลา
พลูมมีเรีย ออบทูซ่า หมู่เกาะบาฮามัส ประเทศ คิวบา จาไมกา ฮิสปานิโอลา ปอร์โตริโก บริติสฮอนดูรัส
พลูมมีเรีย ฟิลิโฟเลีย ประเทศ คิวบา
พลูมมีเรีย อัลบา ประเทค ปอร์โตริโก เวอร์จินไอแลนด์ส และ เลสเซอร์ เอนทิเลส

ที่มา
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A1